ไผ่เลี้ยงหวาน ใช้ได้ทั้งต้นและกินหน่อ

Sorry, this entry is only available in Thai. For the sake of viewer convenience, the content is shown below in the alternative language. You may click the link to switch the active language.

ไผ่หวาน ลักษณะ คล้าย ไผ่ลวก ลำต้นตรง ไม่มีหนามความสูงของลำต้นประมาณ 4 – 5 เมตร ประโยชน์ใช้สอย ลำต้นใช้งานได้เมื่ออายุประมาณ 1 ปี หน่อใช้ประกอบอาหารได้หลายชนิด รสชาติดี ต้มน้ำเพียง 1 ครั้งก็รับประทานได้ ราคาขายตามฤดูกาล เหมือนพืชอื่น ๆ ให้หน่อดก ดูแลง่าย ไม่ต้องใช้ยาหรือสารเคมีใดๆ ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยชีวภาพดีที่สุด ไผ่เลี้ยง Bamboos ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bambusa multiplex (Lour.) Raeusch. ชื่อวงศ์ : Gramineae ชื่อสามัญ : Hedge bamboo ชื่อพื้นเมือง : ไผ่สร้าง ไผ่เชียงไพร ไผ่สร้างไพร เพ็ก ลักษณะทั่วไป (Characteristic) พืชล้มลุกอายุหลายปี เป็นไม้พุ่มเป็นกอ ลำต้นตั้งตรง กลม เป็นทรงกระบอกกลวง ขนาด 1- 4.5 เซนติเมตร ผิวเกลี้ยง สีเขียว ไม่มีหนาม เนื้อเเข็ง มีช้อปล้องชัดเจน แต่ละปล้องยาว 20- 30 เซนติเมตร มีเหง้าใต้ดินสั้น ไม่ทอดขนานไปทางระดับ ใบ (Foliage) : ใบเดี่ยว เรียงสลับ 2 แถว ใบรูปหอก กว้าง 0.5-1.5 เซนติเมตร ยาว 2.5-15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบคม แผ่นใบสีเขียว มีกาบหุ้มลำต้น หนาแช็งไม่แนบชิดลำต้น หลุดร่วงไปเมื่อแก่ ยอดกาบหนาแข็งมักมีขนคายทางด้านในมีติ่งกาบเห็นชัดเจน ตอนปลายกาบตรงที่ต่อกับใบจะมีลิ้นใบ ไผ่หวาน เป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีคนสนใจมากที่จะใช้การบริโภคในชีวิตประจำวัน ลักษณะโดยทั่วไป เป็นไผ่ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ลักษณะกอเป็นพุ่มแน่น ลำอ่อนมีสีเขียวใบไม้ ลำแก่จะมีสีเขียวแก่ ลำต้นมักมีลักษณะคดงอ มีการแตกกิ่งจำนวน 2-5 กิ่งตลอดลำ ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3-5 ซ.ม. สูงประมาณ 5-8 เมตร บริเวณเหนือข้อเล็กน้อยจะเห็นเป็นแถบวงแหวนสีขาวรอบลำชัดเจน และมีรากอากาศรอบ ๆ ข้อ ลักษณะที่สังเกตง่ายที่สุด คือ ครีบกาบทั้งสองข้างของกาบหุ้มลำจะมีขนาดไม่เท่ากัน และมีรูปทรงต่างกัน ซึ่งปกติครีบกาบของไผ่ชนิดอื่นจะมีขนาดเท่ากัน หรือเหมือนกัน ไผ่หวานมีใบขนาดกลาง สำหรับผลนั้นเป็นหน่อมีสีเขียวหนักประมาณ 200-300 กรัม พบขึ้นในป่าเบญจพรรณ ทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบมากที่สุดที่จังหวัดเลย สำหรับการขยายพันธุ์และผลิตกล้านั้น สามารถดำเนินการได้โดยการแยกเหง้าหรือเพาะเมล็ด ดินที่เหมาะสมการปลูกไผ่หวานเป็นดินร่วนปนทราย ดินลึก มีการระบายน้ำดี สำหรับความชื้นไผ่หวานเป็นพืชที่ต้องการความชุ่มชื้นมาก พันธุ์ไผ่เลี้ยง พันธ์หนัก เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตหน่อได้ปกติในช่วงฤดูฝน (มิถุนายน – สิงหาคม) แต่ถ้าจะผลิตเป็นหน่อไผ่นอกฤดูหรือต้นฤดูฝน ผลผลิตที่ได้จะไม่คุ้มกับทุน พันธุ์เบา เป็นพันธุ์ที่สามารถให้หน่อไผ่ ตกในช่วงฤดูฝน และสามารถผลิตเป็นหน่อไผ่นอกฤดูได้ดีมาก เพราะมีลักษณะเด่น คือ ถ้าได้น้ำ ได้ปุ๋ยแล้วจะให้หน่อทันที ถ้าเกษตรกรปลูกมีการบำรุงรักษาดี ผลผลิตก็ยิ่งจะเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้น จึงขอแนะนำให้ผู้ที่จะปลูกไผ่เลี้ยงขายหน่อ ควรปลูกพันธุ์เบา การคัดเลือกพื้นที่ปลูกสวนไผ่ สภาพพื้นที่ที่เหมาะสำหรับปลูกไผ่เลี้ยง ควรมีลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย ถ้าเป็นดินเหนียว ดินโคกลูกรัง การเจริญเติบโต และการให้หน่อจะไม่ดี การเตรียมดินปลูก 1. ไถครั้งแรกด้วยรถไถผาน 3 ทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อกำจัดวัชพืช 2. ไถครั้งที่ 2 ด้วยรถไถผาน 7 เพื่อปรับสภาพดินให้ร่วนซุย เหมาะแก่การปลูกพืช 3. ขุดหลุมลึก 50*50 เซนติเมตร 4. ใช้ปุ๋ยคอกผสมคลุกเคล้ากับดินรองก้นหลุม ประมาณหลุมละ 1 ปี๊บ แล้วรดน้ำให้ชุ่ม 5. เสียบตอพันธุ์ปลูกลึกลงไปประมาณ 1 คืบ 6. กลบดินแล้วรดน้ำให้ชุ่มอีกครั้ง 7. นำเศษฟางหรือเศษหญ้ามาคลุมโคนต้นไผ่ไว้ตลอดเวลาเพื่อเป็นการเก็บรักษาความชื้นในดินให้สม่ำเสมอ 8. รดน้ำทุกวันจนกระทั่งไผ่แตกหน่อ จึงเปลี่ยนเป็นรดน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง 9. สังเกตสีของใบไผ่ ถ้าสีเริ่มจางให้ใส่ปุ๋ยขี้หมู 3 กิโลกรัม/ ต้น แล้วฉีดพ่นด้วยน้ำแม่ ในอัตรา น้ำแม่ 1 ลิตร+น้ำ 10 ลิตร / 2 กอ ประมาณเดือนละ 1 ครั้ง 10. ไผ่เลี้ยงอายุประมาณ 3 เดือน ก็เริ่มเก็บผลผลิตมาประกอบอาหารได้แล้ว การปลูก 1. ปลูกด้วยตอชำถุง (มีค. – กค.) ขุดหลุ่มขนาด 50 50 50 ซม. รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักประมาณ 1 ปุ้งกี๋ คลุกเคล้าเข้ากับดินลงในหลุมปลูก ฉีกถุงดำออกอย่าให้ดินแตก นำลงหลุมกลบดินให้แน่น แล้วรดน้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง (ถ้าฝนไม่ตก) 2. ปลูกด้วยเหง้า หรือตอไผ่ที่ไม่ได้ชำถุง โดยขุดเหง้าหรือตอไผ่ แล้วนำไปปลูกทันทีด้วยการขุดหลุมเฉพาะ ไม่ต้องรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก ปลูกแล้วกลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่มสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ช่วงที่เหมาะสมในการปลูกโดยวิธีนี้ คือ เดือน มค. – เมย. เหมาะสำหรับผู้ที่มีแหล่งน้ำและสะดวกในการให้น้ำ การดูแลรักษา ไผ่หวานเป็นพืชที่ดูแลง่าย ในช่วงแรก ต้องคอยกำจัดวัชพืช หลังจาก 1 ปี จะไม่มีวัชพืชขึ้น เนื่องจากใบของไผ่จะบังแสงแดดไม่ให้ส่องถึงพื้น อีกทั้งใบไผ่จะช่วยคลุมดินดีนักแล ในเดือนที่ 5 – 6 ควรมีลำต้นไว้ไม่เกิน 5 ลำ หมายถึงจะขายหน่อนะครับ ถ้าจะขายลำก็อีกเรื่องหนึ่ง ดินดี ปุ๋ยดี ประมาณ 6 เดือน ก็เก็บผลผลิตได้ การเก็บผลผลิต เลือกเก็บหน่อที่สมบูรณ์ ใหญ่ จะได้น้ำหนักและราคา โดยเฉลี่ยประมาณ 20 กิโลกรัมต่อวันต่อไร่ การให้น้ำ ถ้าเป็นฤดูฝน ก็สบาย ๆ ไม่ต้องเดือดร้อน เพราะเทวดาช่วยอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นฤดูแล้ง ควรให้น้ำวันเว้นวัน โดยใช้สปริงเกอร์รดให้ทั่วบริเวณ ย้ำว่าทั่วบริเวณ ไม่ใช่เฉพาะโคนต้นนะครับ ทั้งนี้เพราะรากของไผ่จะเจริญเติบโตทั่วบริเวณ การเก็บเกี่ยว หลังจากปลูก 5 เดือน จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตวันเว้นวันหลังจากปลูก 6 เดือน จะเก็บผลผลิตได้ทุกวัน ผลผลิตประมาณ10 กิโลกรัมต่อวันต่อไร่ใช้มีดปลายแหลมตัดให้ความสูงของหน่อยาวประมาณ 35 เซนติเมตร หรือตามความต้องการของตลาด เทคนิคการตัดแต่งกอและกิ่งไผ่ – หลักสำคัญในการตัดแต่งกิ่งไผ่ อยู่ที่ปีที่ 2 ซึ่งจะต้องตัดต้นที่แก่และยู่ชิดกันออก โดยใช้เลื่อยตัดแต่งกิ่งเฉพาะ จะสะดวกให้เหลือจำนวนต้นไว้ในแต่ละกอ ไม่เกิน 12 ตัน ต่อไป (การตัดแต่งควรตัดทุกปีอย่างต่อเนื่อง ปีละ 1 ครั้ง) – ฤดูกาลที่เหมาะสมในการตัดแต่งกิ่ง คือเดือน ธค. – มค. – หลังตัดแต่งเสร็จให้ใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก กอละประมาณ 15 – 20 กก. แล้วให้น้ำทันที เพื่อเร่งให้ได้ผลผลิตหน่อไผ่ช่วงต้นฤดู ซึ่งขายได้ราคาสูง – ถ้าจะเร่งการออกหน่อ และเพิ่มผลผลิตให้มากยิ่งขึ้น ให้เสริมด้วยปุ๋ยเคมี สูตร 25-7-7 หรือ 46-0-0 กอละประมาณ 2 กำมือ โดยใส่รอบๆ กอ แล้วจึงกลบด้วยปุ๋ยคอกแล้วให้น้ำทันที ถ้าไม่มีน้ำให้ก็ต้องรอเก็บผลผลิตในฤดูฝนตามปกติ แต่ผลผลิตก็จะได้มากกว่า สวนที่ไม่มีการตัดแต่งใส่ปุ๋ยอย่างแน่นอน เทคนิคการบำรุงหน่อไม้ไผ่เลี้ยง – ใช้เศษหญ้า หรือ ฟางแห้ง มาคลุมโคนต้นไผ่ไว้ แล้วรดน้ำ สัปดาห์ละครั้ง เพื่อเป็นการรักษาความชื้นไว้ให้สม่ำเสมอ – บำรุงปุ๋ยขี้หมู + น้ำแม่ ฉีดพ่นเดือนละ 1 ครั้ง จะช่วยให้หน่อไม้ออกผลผลิตดีต่อเนื่องตลอดทั้งปี การขยายพันธุ์ไผ่  การขยายพันธุ์ไผ่เลี้ยง ทำได้ 2 ลักษณะ 1. ขยายพันธุ์โดยการขุดเอาเหง้าของลำต้นไผ่ที่มีอายุ 1 ปี แต่ไม่ควรเกิน 1 ปีครึ่ง เมื่อขุดออกมาแล้วควรตัดให้เหลือตอไว้ประมาณ 40 ซม. และตัดแต่งรากออกพอประมาณ เพื่อสะดวกในการปักชำ ถุงที่เหมาะสมควรเป็นถุงดำขนาด 5 x 11 นิ้ว ขึ้นไป ส่วนผสมของดินบรรจุถุง คือ หน้าดิน 1 ส่วน และแกลบดำ 1 ส่วน ผสมคลุกเคล้า แล้วใส่ลงในถุงนำเหง้าไผ่ที่เรียมไว้ลงถุงกลบดินแกลบให้แน่น ตั้งถุงเรียงไว้กลางแจ้ง รดน้ำให้พอชุ่มอยู่ตลอดประมาณ 15 วัน ก็จะเริ่มแตกแขนงครบ 2 เดือน นำไปปลูกได้ ช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมในการขยายพันธุ์ตามแบบที่ 1 คือ เดือน กพ. – พค. 2. ขยายพันธุ์โดยการใช้เหง้า จากส่วนที่เป็นเหง้าของหน่อที่ถูกตัดไปขาย แล้วเหลือตอติดดินไว้แตกแขนงขึ้นมารอให้แขนงที่แตกมาใหม่ มีใบแก่ (แตกใบขิง) จึงขุดเหง้าพร้อมแขนงนี้มาชำถุง แต่ต้องตัดกิ่งแขนงส่วนบนออกให้เหลือติดเหง้าขึ้นไปยาวประมาณ 30 – 40 ซม. ใช้วัสดุชำเหมือนกับการขยายพันธุ์แบบที่ 1 ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชำแบบที่ 2 คือ ตั้งแต่เดือน พย. – พค. แหล่งที่มา: สวนหม่อนไม้ สวนกสิกรรมธรรมชาติวิถี http://www.monmai.com และ http://raithunyaboon.blogspot.com/2014/01/7_22.html
[fbcomments url="https://www.parichfertilizer.com/en/knowledge/%e0%b9%84%e0%b8%9c%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99-%e0%b9%83%e0%b8%8a%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b9%89/" width="375" count="off" num="3" title="Comments" countmsg="wonderful comments!"]

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save