ข้าวโพดหวานลูกผสม ‘ชัยนาท 2’ สายพันธุ์ใหม่ล่าสุดให้ผลผลิตสูง

หลังจากที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท ได้มีการปรับปรุงสายพันธุ์ข้าวโพดหวานอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดประสบผลสำเร็จในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์ใหม่ “ข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์ชัยนาท 2” มีลักษณะเด่นให้ผลผลิตฝักสดสูง และสามารถปรับตัวได้ดีกับสภาพแวดล้อมได้ดี ทางคณะกรรมการวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตรได้รับรองสายพันธุ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร บอกว่า ตามที่กรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดหวานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่เกษตรกรนำไปปลูก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตนั้น ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาทได้ปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์ใหม่สำเร็จอีก 1 พันธุ์ คือ “ข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์ชัยนาท 2” ซึ่งคณะกรรมการวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร ได้ประกาศเป็นพันธุ์รับรองของกรมวิชาการเกษตรแล้ว หลังจากที่ผ่านมาทางกรมวิชาการเกษตร ได้มีการปรับปรุงสายพันธุ์ข้าวโพดฝักสดที่ได้รับการรับรองพันธุ์ พร้อมแนะนำและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเพื่อสร้างรายได้มาแล้วหลายพันธุ์ อาทิ ข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์สงขลา 84-1 ข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์ชัยนาท 86-1 และข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมพันธุ์ชัยนาท 84-1 เป็นต้น

สำหรับข้าวโพดหวานพันธุ์ใหม่นี้ เดิมชื่อ ซีเอ็นเอสเฮช 7566 เกิดจากการผสมระหว่างสายพันธุ์แท้เบอร์ 75 หรือสายพันธุ์แท้ไฮบริกซ์ 4 (เอส) 1บี-บี-บี-บี กับสายพันธุ์แท้เบอร์ 66 หรือสายพันธุ์แท้ ซีเอ็น-เอสเอสดับเบิ้ลยู 59 (เอส)-11-1-บี-บี-บี-บี ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท ได้ดำเนินการผ่านการทดสอบการให้ผลผลิตในแปลงเปรียบเทียบเบื้องต้น แปลงเปรียบเทียบมาตรฐาน และเปรียบเทียบในท้องถิ่น ตลอดจนปลูกเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรตั้งแต่ปี 2553-2556 และผ่านการศึกษาข้อมูลจำเพาะของพันธุ์ข้าวโพดหวานในช่วงปีดังกล่าวด้วย

ลักษณะเด่นของข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์ชัยนาท 2 คือ ให้ผลผลิตฝักสดทั้งเปลือกสูงถึงไร่ละ 2,897 กก. และผลผลิตฝักสดปอกเปลือกไร่ละ 1,965 กก. ขณะที่พันธุ์ชัยนาท 86-1 ซึ่งเป็นพันธุ์เปรียบเทียบให้ผลผลิตฝักสดทั้งเปลือกไร่ละ 2,779 กก. ผลผลิตฝักสดปอกเปลือกไร่ละ 1,805 กก. และพันธุ์ไฮบริกซ์ 3 ให้ผลผลิตฝักสดทั้งเปลือกไร่ละ 2,673 กก. และผลผลิตฝักสดปอกเปลือกไร่ 1,751 กก.

นอกจากนี้ ยังสามารถปรับตัวได้ดีกับสภาพแวดล้อม มีความต้านทานปานกลางต่อโรคใบไหม้แผลใหญ่ โดยข้าวโพดพันธุ์นี้ มีอายุเก็บเกี่ยว ประมาณ 70-73 วัน ขนาดฝัก 4.8×18 ซม. มีจำนวนแถว 16-18 แถว มีอัตราแลกเนื้ออยู่ที่ 46% มีความหวาน 13.4% บริกซ์ ทั้งยังมีคุณภาพด้านการรับประทานดีใกล้เคียงกับพันธุ์ไฮบริกซ์ 3 เหมาะสำหรับการบริโภคฝักสดและโรงงานอุตสาหกรรม

ที่สำคัญสามารถปลูกได้ทั่วไปทั้งเขตน้ำฝนในเขตภาคกลาง อาทิ จ.นครสวรรค์ ลพบุรี สุพรรณบุรี และสระบุรี และในเขตภาคตะวันตก อย่าง จ.กาญจนบุรี และสามารถปลูกได้ในพื้นที่ชลประทานเขตภาคเหนือ ทั้ง จ.เชียงใหม่ และสุโขทัย รวมทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จ.ขอนแก่น โดยสามารถปลูกได้ทั้งก่อนและหลังฤดูทำนา โดยพื้นที่ 1 ไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ในอัตรา 1.5 กก. และมีการจัดการดูแลง่ายเหมือนกับการปลูกข้าวโพดหวานทั่วไป แต่มีจุดด้อยคือไม่ต้านทานต่อโรคราน้ำค้าง เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ที่มีโรคดังกล่าวระบาด ควรป้องกันกำจัดตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตรก่อน

ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตรได้มอบหมายให้ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท เร่งผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดหวานลูกผสมพันธุ์ชัยนาท 2 เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของเกษตรกรที่จะนำพันธุ์ไปปลูก สนใจสอบถามได้ที่ ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท อ.เมือง จ.ชัยนาท โทร.0-5640-5080-1

ฃที่มา: http://www.komchadluek.net/news/lifestyle/220970

[fbcomments url="https://www.parichfertilizer.com/knowledge/15592/" width="375" count="off" num="3" title="แสดงความคิดเห็น" countmsg="wonderful comments!"]

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save