วิธีปลูกข้าวโพดสีม่วง ปลูกง่าย รายได้ดี

Sorry, this entry is only available in Thai. For the sake of viewer convenience, the content is shown below in the alternative language. You may click the link to switch the active language.

หากเกษตรกรท่านใดกำลังมองหา การปลูกข้าวโพด แต่ยังไม่รู้ว่าจะปลูกข้าวโพดชนิดใด เกษตรกรก้าวหน้า ขอแนะนำการปลูกข้าวโพดสีม่วง เป็นอีกช่องทางในการสร้างรายได้แก่เกษตรกร เพราะสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี และยังเป็นพืชที่ต้องการของผู้บริโภค เพราะมีรสชาติหวานน้อย มัน อร่อยและไม่ค่อยติดฟัน ไปดูกันว่าทำอย่างไรให้ข้าวโพดสีม่วงได้ผลผลิตดี งอกงาม ขั้นตอนแรกการเตรียมดิน ให้เกษตรกรไถตากดินประมาณ 7-10 วัน แล้วไถแปรเพื่อย่อยดิน ให้ดินแตกละเอียด เพื่อให้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเจริญเติบโตได้ดี การปลูกข้าวโพดสีม่วงแบ่งออกเป็น 2 วิธี 1. ปลูกแบบเดี่ยว โดยเว้นระยะห่างระหว่างแถว75 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างต้น 20 -25 เซนติเมตร หลังจากนั้นให้ทำการปลูกหลุมละ 1 ต้น 2. ปลูกแบบคู่ ต้องยกร่องสูง โดยให้มีระยะห่างระหว่างร่อง 120 เซนติเมตร ปลูกเป็น 2 แถวข้างร่องให้เว้นช่วงห่างกัน 30 เซนติเมตร และมีระยะห่างระหว่างต้น 25-30 เซนติเมตร หลังจากนั้นให้ทำการปลูกหลุมละ 1ต้น การปลูกข้าวโพดทั้ง 2 วิธีนี้จะได้จำนวนต้นประมาณ 7,000-8,500 ต้นต่อไร่ และใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 2-3 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อปลูกได้ระยะเวลา 7 วัน ต้นข้าวโพดจะอยู่ในช่วงกำลังงอก เกษตรกรควรระมัดระวังเรื่องการให้น้ำ เพราะถ้าขาดการให้น้ำในช่วงที่ต้นข้าวโพดกำลังงอกจะทำให้การงอกไม่สมบูรณ์และการติดเมล็ดจะไม่ดีเท่าที่ควร ฝักจะไม่เต็มเมล็ดถึงส่วนปลาย ดังนั้นในระยะแรกควรให้น้ำทุกวัน หลังจากข้าวโพดงอกลำต้นเริ่มแข็งแรงแล้วจึงให้น้ำทุก 3-5 วันขึ้นอยู่กับสภาพต้นและสภาพอากาศ และทำการถอนให้ เหลือต้นข้าวโพด 1 ต้นต่อหลุม ขั้นตอนการดูแลและระยะเวลาการเก็บเกี่ยว 1. เมื่อข้าวโพดอายุ 40-45 วัน มีอาการไม่สมบูรณ์หรือใบเหลืองเกษตรกรควรใส่ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ในปริมาณ 25 กิโลกรัมต่อไร่ โดยให้โรยบริเวณข้างลำต้นโดยต้องสังเกตบริเวณพื้นดินต้องมีความชื้นหรือต้องมีการให้น้ำตามหลังใส่ปุ๋ย 2. ข้าวโพดสีม่วงจะเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุประมาณ 60-70 วัน หลังข้าวโพดออกไหม 50 เปอร์เซ็นต์ แต่หากปลูกในช่วงของฤดูหนาว การเก็บเกี่ยวอาจยืดอายุของข้าวโพดออกไปในการเก็บผลผลิต ในข้าวโพดสีม่วง มีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายในการต้านทานโรค เรียกได้ว่าเป็นพืชที่คุณประโยชน์หลากหลายเป็นทางเลือกในการเพิ่มรายได้แก่เกษตรกรไม่ว่าจะรับประทานเองก็ได้สุขภาพที่ดี และขายก็ได้กำไรงามเลยทีเดียว ขอขอบคุณที่มา – เฟสบุ๊ค นิตยสารเกษตรกรก้าวหน้า ที่มา: http://www.vigotech.co.th/index.php?lay=show&ac=article&Id=539852055&Ntype=8
[fbcomments url="https://www.parichfertilizer.com/en/knowledge/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b9%e0%b8%81%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b9%82%e0%b8%9e%e0%b8%94%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%87/" width="375" count="off" num="3" title="Comments" countmsg="wonderful comments!"]

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save